สะเทือนอารมณ์😭 อดีตดาวดัง ต้องอยู่บ้านพักคนชรา ยามเสียชีวิต ลูกมิอาจไปร่วมงานศพ

สะเทือน อารมณ์ อดีต ดาว ดัง ต้อง อยู่ บ้าน พัก คน ชรา ยาม เสีย ชีวิต ลูก ไม่ อาจ ไป ร่วม งาน ศพ ย้อน รอย ขาว เศร้า วง การ เพลง วัน นี้ เป็น เหตุ การณ์ …

สะเทือนอารมณ์😭 อดีตดาวดัง ต้องอยู่บ้านพักคนชรา ยามเสียชีวิต ลูกมิอาจไปร่วมงานศพ Read More

เป็นไปได้มากว่าครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทยที่รัชกาลที่ 11 จะเป็นสตรีสงครามในราชวงศ์ที่ดุเดือด

ถ้าใครคือคนต่อไปการเสริมและเจ้าสันตติวงศ์ของราชวงศ์ไทยอ่านแต่งครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทยที่จะมีกษัตริย์เป็นผู้หญิงแต่ไม่ว่าวันหลังจะตกแต่งของใครอำนาจของวังก็กำลังถดถอยลงจนยากที่จะกอบกู้คืนมาเมีย4ลูกสาว2ลูกชาย5และสนมเอกหนึ่งเหตุเพราะที่ราลงกรณ์มีชีวิตรักที่แต่สับสนอลเวงทำให้มีตัวเรื่องจำนวนมากจึงเป็นสิ่งที่คาดเดาได้ยากว่าใครจะได้ขึ้นของราชย์ต่อจากเขาหากเราจะวิเคราะห์พลวัตการเตรียมการจัดต่างๆที่วงของราชวงศ์ไทยเราจำเป็นต้องย้อนไปดูประวัติการสมรสของกระจัดองค์นี้ในช่วงปีพุทธศักราชแต่ถ้าถึง 2519ที่วชิราลงกรณ์ศึกษาอยู่ที่โรงเรียนนายร้อduntroonประเทศออสเตรเลียเขาชอบพออยู่กับลักษสุภากฤษฎากรลูกสาวของทูตไทยประจำสถานทูตออสเตรเลียณขณะนั้นความสัมพันธ์กำลังนี้ก่อให้เกิดความกังวลในราชวงศ์โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับราชินีสิริเกศแม่กูไม่ต้องการให้หญิงสามัญชนมาเป็นลูกสะใภ้Siriกินใหม่มั่นว่าราชสกุลกิติยากรของเธอจะต้องครองอำนาจในราชวงศ์ของไทยในอนาคตเธอจึงยันว่าลูกชายจะต้องสมรสกับลูกพี่ลูกน้องของตัวเองนั่นคือโสมสวรีกิติยากรซึ่งมีศักดิ์เป็นร้านของสิริกิติ์ความขัดแย้งในเรื่องนี้ทำให้เกิดความแตกแยกถ้าไม่ว่างซึ่งอยู่ในช่วงเดียวกันกับเหตุ การณ์ความขัดแย้งทางการเมืองเมื่อปีพุทธศักราช๒๕๑๙และในขนาดนั้นราชวงศ์ไทยกรวดถูกล้มล้างเหมือนในลาวและกัมพูชาดังนัดหวังถึงหันไปจากเมืองกับกองทัพและกลุ่มชาตินิยมไฟคว้ากวาดล้างขบวนการประชาธิปไตยที่กำลังมีบทบาทมากขึ้นในสังคมไทยซึ่งนำไปสู่การสังหารหมู่ผู้ประตูข้างนักเรียนนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในเช้าวันที่6ตุลาคมในปีนั้นวชิราลงกรณ์เดินทางกลับไทยไปกี่วันก่อนเองการณ์การสังหารหมู่ในเดือนธันวาคมปีพุทธศักราช2519หนังสือพิมพ์ประกาศข่าวงานบ้านของเขากับโสมสวลีและเข้าพิธีสมรสกันในวันเมษาหน้าโง่ๆมารู้จักกระดาษ2520ที่ กรุงเทพฯเขาอายุ24และเธออายุสิบเก้าในหนังสือthekingNeverSmileพอแฮลลีย์อธิบายว่าเห็นผลจริงมีได้กินต้องการให้ลูกชายแต่งงานกับโสมสวลีเป็นเพราะโสมสวลีเป็นตัวแทนของความทะเยอะทะยานอย่างเป็นใหญ่ในราชวงศ์ของทางราชสกุลกิติยากรและสนิทวงศ์ในฝั่งของสิริกิติ์รวมถึงเหล่าทายาทของรัชกาลที่5สายเจ้าชายยุคคนซึ่งเป็นราชสกุลลำดับ3ที่เสี่ยงต่อการตกชั้นแม่ของโสมสวลีคือหม่อมหลวงพันธุ์สวลียุคลซึ่งเป็นลูกของหญิงตระกูลสนิทวงศ์โสมสวลีจึงเป็นตัวเชื่อมทางสายเลือดระหว่างสามารถจะสกุลที่เกือบไร้ที่ ติแต่ความสัมพันธ์นี้กลับเต็มไปด้วยปัญหามากมายตั้งแต่เริ่มคะซึ่งเกิดจากความเครื่องสายเลือดบริสุทธิ์ของสถาบันกษัตริย์ไทยที่เจอว่าผู้ที่เกิดจากสายเล่นบริสุทธิ์จะมีอำนาจบารมีเนื้อกว่าผู้อื่นทำให้มีการแต่งงานภายในเครื่องโดยเดียวกันจากรุ่นสู่รุ่นมาเป็นระยะเวลานานโสมสวลีเป็นลูกนี้ลูกน้องของวิธีการลงกรณ์ทางฟังตกุลของสิริกิติ์และเป็นอย่างห่างๆความฝั่งตระกูลภูมิพลด้วยแผ่นลี่กล่าวว่าในทางปะทุกรรมโสมสวลีคือหายนะในราชวงศ์ที่จับโยงกันด้วยการแต่งงานภายในครอบครัวกษัตริย์และอ่าชินีเป็นญาติใกล้ชิดซ้าย ตรงจากทายาทของรัชกาลที่5ดังนั้นโสมสวลีจึงมีสายเล่นเดียวกับเจ้าฟ้าชายและนอกจากนั้นวชิราลงกรณ์ไม่เคยมีใจให้กับทรงสวลีเขามองว่าเธอแสนจะธรรมดาน่าเบื่อและไม่เป็นหรือที่ภาษาเขาแต่งกับเธอจะเอาใจแม่จอมบงการเข้านั้นหลังจากแต่งงานกันทั้งสองเดินทางไปทั่วประเทศซึ่งเป็นความพยายามเรียกความนิยมให้แก่สถาบันกษัตริย์หลังเหตุการณ์สังหารหมู่6ตุลาคมแต่ไม่งานชีวิตสมรสของทั้งคู่ก็พังลงกษัตริย์ในศาลชื่อเสียงในฐานะเสริมผู้หญิงและนักปาร์ตี้กับเราผู้มีอิทธิพลและมหาเศรษฐีชอบโกงต่อมาไม่นานเขาตกหลุมรักหัวปักหัวปำกับนักแสดงสาวดาวรุ่งเบนซ์ ยุวธิดาผลประเสริฐในช่วงปีพุทธศักราช2521โสมสวลีกำลังตั้งครรภ์แต่หลังจากนั้นไม่นานวชิราลงกรณ์ก็ทิ้งเธอไปอยู่กับยุวธิดาในวังอีกแห่งหนึ่งโสมสวลีจะให้กำเนิดโลกคนแรกของราชการองค์กรในวันที่7ธันวาคมปีน้ำหนักกระดาษ2521เป็นลูกสาวชื่อพัชรกิติยาภาซึ่งถือเป็นครั้งได้สำหรับราชวงศ์ที่ต้องการลูกชายมากกว่าในวันที่29สิงหาคมมีก็จะศักราช2522วชิราลงกรณ์ได้ลูกชายคนแรกจุดทางวัดแต่ไม่เคยยุวธิดาแผ่นลี่กล่าวว่าสำหรับสิริกิติ์นี่คือหายนะเด็กชายคนนี้สันกร่อนแผนการสร้างความเป็นใยในราชวงศ์ของครอบครัวเธอยกเว้นว่าโสมสวลีจะให้กำเนิดลูกชายซึ่งจะมีศักดิ์เป็น มกุฎราชกุมารแจ้งความหวังที่โสมสวลีจะมีลูกเพิ่มกับก็ที่ละลงก่อนนั้นแสนเล่มรีเพราะในขณะนั้นเขากลุ่มจุดแต่งกับยุวธิดาเวลาพันธุ์ไป10กว่ามีทั้งคู่มีทายาทเพิ่มอีก4คนเป็นลูกชาย3คนและลูกสาวอีกหนึ่งคน[เพลง]สิริกิติ์เรื่องวิพากษ์วิจารณ์เรื่องติกรรมของลูกชายอย่างเปิดเผยกับสื่อต่างประเทศในงานแถลงข่าวในรัฐติดสั้นเน็ตปีพุทธศักราช2524เธอให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าลูกชายมากดราชกุมารของฉันออกจะเป็นคนเจ้าชู้แบบดอนฮวนก็เป็นนักเรียนที่ดีเป็นเด็กดีแต่ผู้หญิงมากมายชื่นชอบเขาและเขาก็ชอบผู้หญิงอย่างมากหากคนถ่ายไม่ยอมรับตัวเขา ในแง่นี้เขาจะต้องปรับปรุงตัวหรือสละฐานันดรศักดิ์ภูมิพลเองก็คงบนกับพฤติกรรมของลูกชายแต่ก็พยายามจะควบคุมเขาราชสกุลบางพรมที่สนับสนุนโสมสวลีเริ่มเป็นการทำลายชื่อเสียงวชิราลงกรณ์ด้วยการเผยแพร่ใบปลิวลักษณ์แจกก็จะกรรมของเขาเหตุการณ์นี้ถูกบันทึกไว้มีรายงานของซีไอเอในปีพุทธศักราช๒๕๓๑อย่างไรก็ตามสายลับอเมริกันพลาดที่จะระบุว่าที่เป็นฝีมือของกลุ่มลงเจ้าเพราะใช้จริงแล้วมันเป็นความแตกแยกที่เกิดขึ้นภายในราชวงศ์เองได้ในที่สุดภูมิพลและสิริกิติ์จำต้องยอมให้ลูกชายอยากห่างจากโสมสวรีอย่างเป็นทางการในปีพุทธศักราช 2536มีการเผยแพร่ใบปลิวรับอีกครั้งจากฝีมือของสมาชิกราชวงศ์ฝั่งตรงข้ามเพื่อมุ่งทำลายที่เสียงของวัดที่ลานองค์กรและยุวธิดามีข้อความว่าวชิราลงกรณ์สมรสกับยุวที่น่าแบบเงียบๆในเดือนกุมภาพันธ์2537ความสัมพันธ์ของทั้งสองได้นำการประกาศอย่างเป็นทางการในงานวันเกิดปีที่42ของเขาในวันที่28กรกฎาคมเขาปรากฏตัวต่อศาลกระนะทำบุญปล่อยนกปล่อยปลากับภรรยาใหม่และลูกทั้ง5คนแต่ในขณะงานชีวิตคู่ของวชิราลงกรณ์กับยุวธิดาอยู่ในความตึงเครียดด้วยความที่เขาเป็นเสือผู้หญิงที่ไม่เคยถอดเขี้ยวเล็บและหวังว่า เมียจะก้มหน้ายอมรับพฤติกรรมนี้ทั้งสองทะเลาะเบาะแว้งกันบ่อยครั้งและสถานการณ์เลวร้ายมากขึ้นหลังจากที่วชิราลงกรณ์ตกหลุมรักนำบำเรอคนใหม่ศรีรัศมิ์สุวะดีสาวนักวิ่งประจำธนบดีคาเฟ่ที่เข้ามาอยู่ในฮาเร็มของเขาตั้งแต่ปี2536ในฐานะนางสนองพระโอฐหนังจากพ่อที่ลานองค์กรย้ายศรีรัศมิ์เข้าไปอยู่ในวางยุวธิดาก็หมดความอดทนและออกจากวังจนกระทั่งปี2539วชิราลงกรณ์ตัดสินใจเดินทางกับชื่อวธิดาและแต่งตั้งให้ศรีรัศมิ์เป็นสนมเองราชินีสิริกิติ์เห็นว่านี่เป็นโอกาสที่จะยุวธิดากับลูกชายให้พ้นไปจากวังหลวงซึ่งจะทำให้พัชรกิตยาภาลูกสาวของโสมสวลีจะได้ครอง ตำแหน่งรัชทายาทแต่การสืบราชสมบัติของราชวงศ์จักรีอีกครั้งวชิราลงกรณ์ได้รับคำสั่งจากพ่อแม่ว่าเขาสามารถเลือกกันอยู่ว่าที่ด่าได้แต่ต้องในระเทศลูกชายทั้ง4คนของเธอไปด้วยและในวันที่13พฤษภาคม2539วชิราลงกรณ์ส่งข้อความถึงผู้อำนวยการโรงเรียนประจำเมื่อก่อนประเทศอังกฤษที่บทนำเพชรคือปัจจุบันรู้จักกันในชื่อสิริวัณนวรีลูกสาวของเขาเห็นอยู่เพื่อบอกความประสงค์ว่าเขาต้องการนำเธอกลับประเทศไทยทันทีโดยเหตุผลด้านสุขภาพหมอเขาเป็นไปรับลูกสาวที่ลดอนแต่ไม่เตะพบกับเหล่าลูกชายที่เรียนโรงเรียนประจำได้กังกฤษเช่นกัน วชิราลงกรณ์และบุตรน้ำเพชรเดินทางถึงกรุงเทพในวันที่26พฤษภาคมและในสองวันต่อมาว่าที่ราลงกรณ์ประกาศมีระเทศยุวธิดาออกจากประเทศอย่างเป็นทางการมีการแจกแผ่นพับไปทั่วกรุงเทพและติดประกาศบนรั้ววังเนื้อหาในแผ่นพับกล่าวโทษยุวธิดาว่าคบชู้กับลูกน้องของวชิราลงกรณ์และทำร้ายบุตรน้ำเพชรแผ่นลี่กล่าวว่าจะมีการเผยแพร่ผ้าเบรคของยุวธิดาในรูปของแผ่นดินและส่งไปยังสถานทูตและหนังสือพิมพ์รวมถึงถูกเผยแพร่ในอินเทอร์เน็ตด้วยหลังจากนั้นไม่นานทุกอย่างก็ชัดเจนว่าวันที่จะลงค่ะวันนี้นะเทศทางยุวธิดาและเหล่าลูกชายของเธอเด็กเดือนมกราคม2540เขาส่ง ข้อความถึงพวกหนึ่งการโรงเรียนในเกรียนว่าลูกชายทั้งสี่ถูกถอนทางตอนสั่งและยึดหนังสือเดินทางทูตได้ยืนยันว่าจะจ่ายค่าเล่าเรียนให้พวกเขาอยู่ภาพจดหมายก็คือฉบับที่ส่งถึงมีคนละเบาะฟอร์ดพวกในการโรงเรียนฮาร์โรว์ที่จุดห้าวัดและวัดชนะเรซ้อนถูกแทงคนโตและควรจะร้องเรียนอยู่และในเดือนกุมภาพันธ์ก็ที่หลายองค์กรตัดสินใจจุดจ่ายค่าเล่าเรียนให้กับพวกเขาตามที่เขาอธิบายในจดหมายอีกฉบับหนึ่งที่ส่งถึงป้องฟอร์ดจดหมายในลักษณะเดียวกันก็ส่งถึงพวกในการโรงเรียนแผ่นบอลเล็กโรงเรียนสนิทเร็วที่จักรีวัชรในวัฒนวีร์เรียนอยู่ตามลำดับๆ และดีที่สุดโรงเรียนholoต้องติดต่อไปยังสถานทูตไทยเพื่อขอค่าใช้จ่ายค่าเล่าเรียนที่ค้างไว้จนเกินกำหนดจึงต่อมายุวธิดาได้จ่ายไปค่าพัน200ปอนด์และหลังจากนั้นว่าที่ลานองค์กรก็ส่งเงิน1141จุด04ปอนด์ให้กับสถานทูตเพื่อจ่ายส่วนที่เหลือหลังจากนั้นยุวธิดาและลูกชายทั้งสี่ย้ายไปตั้งรกรากในรัฐBodyด้าในจดหมายขวด1ฉบับหนึ่งลงวันที่ในเดือนกุมภาพันธ์2541เล่าเรื่องชุบจิ้มเด่นทางและเรื่องราวจากฝั่งของชายของพวกเขาว่าวัดที่การลงกรณ์ไม่เคยปฏิบัติต่อยุวธิดาในฐานะเมียและขับไล่เธอออกจากวังเป็น ประจำเมื่อมีนางบำเรอคนใหม่เข้ามารวมถึงเล่าว่าในตอนที่9Mเดินทางไปนำตัวบนนำเพชรกลับไปอยู่กับตัวเองเมื่อวันที่การลงก่อนพูดกับยุวธิดาว่าลูกชายไม่จำเป็นสำหรับเขาอีกแล้วลูกชายทั้งสี่กลางว่าวชิราลงกรณ์พยายามลบพวกเราออกจากความทรงจำของผู้คนที่รู้จักพวกเราการที่วชิราลงกรณ์มีเพื่อนจะกรรมต่างคาดและท่องทิ้งครอบครัวเป็นพวกเขาต้องการไปเคี้ยวจากแม่เพื่อที่ยุวธิดาเขาจึงต้องตัดความสัมพันธ์กับเราลูกชายของเธอด้วยและเมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่งดูเหมือนว่าแผนการของที่จะกิจได้บรรลุแล้วพัชรกิตยาภาได้รับตำแหน่งผู้สืบราชบัลลังก์กลับคืนมาและดูเหมือนว่าวันที่ ร้านองค์กรไม่น่าจะมีทายาทได้ดีแต่ทางด้านสีรักจากมีลูกเพื่อรักษาตำแหน่งในหวังไว้แล้ววชิราลงกรณ์ก็เห็นด้วยทั้งคู่หันเป็นครึ่งเทคนิคivfก็คือการปั่นสร้างสเปิร์มทำให้ได้กำเนิดเด็กชายทีปังกรรัศมีโชติราชวงศ์จักรีได้มีองค์ชายรัชทายาทอีกครั้งเหตุการณ์ดังกล่าวจุดไฟความขัดแย้งเรื่องการแย่งราชบัลลังก์ภายในวังขึ้นมาอีกครั้งมีความพยายามทำลายชื่อเสียงของศรีรัศมิ์ในปี2550มีการปล่อยวีดีโอเช้าเป็นภาคศรีรัศมิ์เปลือยกายในวันเกิดครบรอบ30ปีในวังที่ตนทบุรีต่อหน้าคนนางทางและกำนันในขณะที่มากดพระราชกุมารกำลังส่ง ไปยังมีความสุขมันถึกรับทั้งการทดสหรัฐระบุว่าชื่อเสียงของมกุฎราชกุมารกำลังเสื่อมถอยลงและคาดว่าจะเสียหายเพิ่มมากขึ้นส่วนหนึ่งเป็นเพราะภาพวีดีโอเกินเช้าของมากดราชกุมารและสนมเอกที่ถูกเผยแพร่ทางออนไลน์ได้ทีวีดีซึ่งเราสามารถสรุปได้ว่าเรื่องใต้น้ำอันนี้ส่งผลกระทบใหญ่ต่อมกุฎราชกุมารและในเดือนกรกฎาคมขณะที่วชิราลงกรณ์และศรีรัศมิ์จุในยุโรปมีการปล่อยข่าวที่จาก1ข่าววงในว่าวชิราลงกรณ์สวรรคตโดยลงอีกแล้วและในขณะเดียวกันวชิราลงกรณ์ก็เริ่มเบื่อศรีรัศมิ์และมีคนโปรดคนใหม่คือสุทธิดายิ้มใจลูกเรือของการบินไทยที่กับพบใน เที่ยวบินพิเศษมหากุศลจิตเขาเป็นคนคำในวันที่5มกราคม2550ในปีเดียวกันหลังจากนั้นเขาย้ายไปอยู่เยอรมนีเพื่ออยู่กับสุทธิดาในเมลนี่และจะกลับมาไทยเป็นครั้งคราวเพื่อประกอบพระราชกรณียกิจบันทึกลับทางการค้าสหรัฐฉบับหนึ่งระบุว่าในที่สุดราชินีสิริกิตก็ตัดหางปล่อยวัดลูกชายของเธอตั้งแต่ปี2550แต่หลังจากพยายามโปรโมทความสนใจของมกุฎราชกุมารวชิราลงกรณ์และถูกมองว่าเป็นผู้หนุนหลังรายใหญ่ในช่วงที่เขาเผชิญกับกระแสการคัดค้านจากนะทะนะรายงานอย่างระบบอีกว่าความสัมพันธ์แม่ลูกเรียนไปทันทีในปี2550และในเดือนมีนาคม2551ประกาศทินีกับมกุฎราชกุมารมีปากเสียงกันในโรง พยาบาลระหว่างที่พระราชินีเข้ารับการรักษาตัวปรากฏการณ์จะประมาณจากท้องแม่ต่อหน้าเหล่านางในสิริกิติ์เริ่มแรกทีมโลกความเป็นจริงในเชื่อในการกลับชาติมาเกิดในสมัยอยุธยาเธอคือพระนางศรีสุริโยทัยที่เสียสละชีวิตลองตัวขีดทางออกไปลบกับทหารพม่าเพื่อรักษาเอกราชให้Siamในสงครามไทย-พม่าในปีพุทธศักราช2091ที่ได้เก็บตั้งแต่ถ้ากูมองรัฐบาลลังในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนหลังภูมิพลสวรรคตการที่จะให้ลูกชายขึ้นของราษฏรและเดิมค่ะมาแทรกแซงการเมืองจากเต็มตัวหลังภูมิพลสวรรคตและว่าที่หลานองค์กรที่ขึ้นของราชย์ในปี 2559ทหารตำรวจและข้าราชบริพารในหน่วยงานภายในของเขาตามข้อติดเข็มกลัดรูปที่ฝั่งกรเข็มจัดนี้เป็นรางวัลที่วัดที่ราลงกรณ์มอบเพลงกับข้ารับใช้ที่พักนี้น้องเขาและถูกตีความว่าเป็นสัญญาณที่สื่อว่าจีบมังกรคือผู้ที่ได้รับเลือกให้ขึ้นของราด1คนต่อไปแต่จนถึงปัจจุบันก็ยังมีการกินจันทร์อย่างเป็นทางการว่าใครจะขึ้นเป็นรัชกาลที่11ไม่ว่าจะเป็นที่ปังกรหรือแคนดิเดทคนอื่นวชิราลงกรณ์ยังไม่ประกาศผู้สืบทอดราชสมบัติคำๆนี้ยังคงไม่มีคำตอบ

เป็นไปได้มากว่าครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทยที่รัชกาลที่ 11 จะเป็นสตรีสงครามในราชวงศ์ที่ดุเดือด Read More

พ่อด่าเดือด ลูกสาววัย 15 บนคอมี “รอยช้ำสีแดง” เจอร่ายยาวโต้กลับ ปัญหาเกิดจากใคร?!

เห็นรอยช้ำสีแดงบนคอลูกสาววัย 15 นึกว่าแมลงกัด แต่มองชัดๆ กลายเป็น “รอยจูบ” พ่อโมโหด่าเดือด แต่เจอลูกสวนกลับพูดไม่ออก ปัญหาเกิดจากใครกันแน่?! เมื่อพูดถึง “ความรักในวัยเรียน” พ่อแม่หลายคนมักมีทัศนคติแง่ลบ รู้สึกไม่พอใจและกังวลกับความสัมพันธ์เชิงโรแมนติกของลูกๆ คิดว่ามันสามารถสร้างปัญหามากมาย โดยเฉพาะในปัจจุบันที่พัฒนาของสื่อและอินเทอร์เน็ต ทำให้เด็กๆ สามารถเข้าถึงข้อมูลมากมายได้ตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม เมื่อเด็กเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกต่อเพศตรงข้าม นี่เป็นปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาและสรีรวิทยาตามปกติเวลานี้ในฐานะผู้ปกครองต้องใส่ใจกับการเปลี่ยนแปลงของบุตรหลาน ด้วยวิธีการที่ “เหมาะสม” ล่าสุดคุณพ่อชื่อ “หลิว” จากประเทศจีน ได้แชร์บทสนทนาสั้นๆ ระหว่างตนเองกับลูกสาววัย 15 ปี ลงบนโซเชียลเน็ตเวิร์กทำให้พ่อแม่นับไม่ถ้วนได้ย้อนกลับมาคิดถึงความสัมพันธ์ในครองครัวของตนเอง นายหลิวบอกว่าเขามักจะยุ่งกับงานและไม่ค่อยกลับบ้าน ส่วนภรรยาก็มักจะต้องเดินทางไปทำธุรกิจ โดยส่วนมากแล้วลูกสาวจะพักอยู่ในหอพักของโรงเรียนเป็นหลัก กระทั่งสุดสัปดาห์หนึ่ง ขณะที่ไปรับลูกสาวจากโรงเรียน …

พ่อด่าเดือด ลูกสาววัย 15 บนคอมี “รอยช้ำสีแดง” เจอร่ายยาวโต้กลับ ปัญหาเกิดจากใคร?! Read More

อนาคตราชวงศ์ไทยกับคำทำนายลับ: เจ้าฟ้าทีปังกรฯ สะเทือนบัลลังก์

ในโลกของราชวงศ์ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นโดยบังเอิญเสียงกระซิบแห่งโชคชะตาบางครั้งมาในรูปของคำทำนายบางครั้งมาในรูปของเด็กชายตัวเล็กตัวเล็กผู้เงียบขลึมและบางครั้งมาในเวลาที่ไม่มีใครคาดคิดณดินแดนที่วัฒนธรรมศาสนาและราชบัลลังก์ถักท้อเป็นหนึ่งเดียวมีความเชื่อหนึ่งดำรงอยู่มายาวนานว่าผู้ที่จะเป็นกษัตริย์มิใช่แค่มีสายเลือดกษัตริย์แต่ต้องเป็นผู้ถูกเลือกโดยฟ้าในประวัติศาสตร์ไทยไม่ใช่ทุกพระโอรสจะได้ขึ้นครองราชย์แต่เกือบทุก กษัตริย์ล้วนมีคำทำนายที่ล้อมรอบพระองค์เมื่อรัชกาลที่4ทรงขึ้นครองราชย์มีคำพยากรณ์จากพราหมณ์หลวงว่าพระองค์จะนำพระศาสนาและวิทยาการมาสู่แผ่นดินเมื่อรัชกาลที่9เสด็จขึ้นครองราชย์ในวัยเยาประชาชนบางส่วนยังไม่แน่ใจแต่คำธรรมนายเก่าแก่ในภาคเหนือกลับกล่าวไว้ว่าจะมีพระมหากษัตริย์ผู้เป็นดั่งพ่อของแผ่นดินและวันนี้คำถามเดิมกลับมาอีกครั้งใครจะเป็นพระราชาองค์ต่อไปหลายคนอาจมีชื่อในใจหลายคนอาจคาดเดาจากข่าวลือแต่หากเรามองผ่าน ม่านของการเมืองผ่านเงาของประวัติศาสตร์และเงี่ยหูฟังเสียงของดวงดาวเราจะพบชื่อหนึ่งที่ปรากฏอยู่ในแทบทุกค่ำทำนายเจ้าฟ้าทีพังกรรัศมีโชติพระโอรสที่แมจะเงียบงันไม่เป็นข่าวแต่กลับถูกกล่าวถึงซ้ำแล้วซ้ำเล่าในฐานะผู้ที่อาจจะเป็นสะพานแห่งยุคใหม่ในสมัยโบราณคำทำนายเปรียบเสมือนแผนที่นำทางราชบัลลังก์วันนี้แม้โลกจะเปลี่ยนไปผู้คนก็ยังคงเฝ้ารอใครบางคนที่ถูกลิขิตให้มาเพราะในราชสำนักไม่มีใครขึ้นสู่บัลลังก์โดยไม่มีเรื่องเล่าและ เรื่องเล่าครั้งใหม่อาจเริ่มขึ้นแล้วในบรรดาพระโอรสทั้งหมดของพระบาทสมเด็จพระวชิระเกล้าเจ้าอยู่หัวมีเพียง1พระองค์เท่านั้นที่ยังคงอยู่ภายใต้พระกรุณาธิคุณที่ยังทรงได้รับการเลี้ยงดูแลและพัฒนาอย่างใกล้ชิดนั่นคือเจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติแต่ก่อนจะไปถึงพระนามนี้เราควรย้อนมององค์รวมของราชวงศ์ในยุคปัจจุบันให้ชัดเจนก่อนพระโอรสทั้ง4พระองค์จากหม่อมสุจรินีวิวัฒวงศ์ในช่วงปี2532538พระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบันทรงมีพระโอรสกับหม่อมสุจรินณีวิวัฒวงศ์ซึ่งต่อมาได้ ทรงมีพระโอรส4พระองค์ได้แก่จุทธาวัฒวิวัฒวงศ์วัดเยวิวัฒวงศ์จักรีวัฒวิวัฒวงศ์วัดวีวิวัฒงศ์พระโอรสทั้ง4พระองค์นี้มิได้รับการสถาปนาเป็นเจ้าฟ้าหรือพระราชโอรสโดยชอบด้วยกฎหมายพระมารดาหม่อมสุจจารณีถูกปลดจากฐานันดรศักดิ์และออกนอกประเทศในปีพุทธศักราช2539ตั้งแต่นั้นมาพระโอรสทั้ง4พระองค์ก็ถูกกันออกจากขอบเขตราชสำนักไทยแม้ในช่วงหลังพระโอรสบางพระองค์เช่นวัดเยสและจักรีวรรได้เดินทางกลับมาเยี่ยมประเทศไทยแต่ก็ไม่มีพระราชโองการหรือประกาศใดฟื้นฟูสถานะ ทางราชการนั่นทำให้สายพระโลหิตนี้หลุดพ้นจากลำดับการสืบราชสันตีวงศ์อย่างสิ้นเชิงแล้วทำไมเจ้าฟ้าทีปังกรจึงแตกต่างเจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติทรงประสูติเมื่อปีพุทธศักราช2548เป็นพระราชโอรสที่ประสูติจากพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัตน์ผู้ซึ่งได้รับการสถาปนาเป็นพระชายาโดยชอบด้วยกฎหมายแม้ในภายหลังจะถูกปลดจากฐานันดรศักดิ์ในปีพุทธศักราช2500157แต่เจ้าฟ้าทีปังกรมิได้ถูกแตะต้องหรือถูกลดฐานตามไปด้วยตรงกันข้ามพระองค์กลับยังทรงดำรงพระ เกียรติยศในฐานะพระราชโอรสโดยชอบด้วยกฎหมายและยังคงได้รับการสนับสนุนในทุกด้านจากสถาบันพระมหากษัตริย์หลักฐานสำคัญคือในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกปีพุทธศักราช2562เจ้าฟ้าทีปังกรทรงมีบทบาทสำคัญในการถวายพระแสงขันธ์ชัยศีแด่พระราชบิดาซึ่งเป็นหนึ่งในพิธีการที่สงวนไว้สำหรับผู้สืบราชสันตติวงศ์ที่ได้รับการพิจารณาแล้วอีกทั้งในชีวิตประจำวันแม้จะทรงศึกษาอยู่ที่ประเทศเยอรมนีแต่พระองค์ยังได้รับการดูแลจากครูเฉพาะทางและคณะทำงานที่ติดตามอย่าง ใกล้ชิดแม้มีรายงานว่าพระองค์เงียบขลึงและมีความท้าทายด้านพัฒนาการแต่พระองค์กลับทรงมุ่งมั่นตั้งใจฝึกฝนตนเองด้วยวินัยและความเพียรตามพระราชบัญญัติการสืบราชสันตติวงศ์พุทธศักราช2467ผู้มีสิทธิ์ขึ้นครองราชย์ต้องเป็นพระราชโอรสโดยชอบด้วยกฎหมายของพระมหากษัตริย์และมิได้ถูกตัดสิทธิ์โดยพระราชโองการเมื่อพิจารณาตามกฎหมายราชประเพณีและพฤติการที่ปรากฏเจ้าฟาทีปังกรจึงเป็นพระองค์เดียวที่ยังคงอยู่ในแผนที่แห่งอนาคตบางครั้งการไม่ถูกกล่าวถึงคือสัญญาณว่า เขากำลังถูกจับตามองอย่างลึกซึ้งที่สุดในราชสำนักไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นโดยบังเอิญการทรงเงียบอยู่ท่ามกลางความเคลื่อนไหวของโลกอาจมิใช่ความบังเอิญแต่นั่นคือความพร้อมที่กำลังก่อตัวอย่างเงียบงันรอวันปลุกแผ่นดินอีกครั้งผู้คนอาจเลือกผู้นำจากเสียงปรบมือแต่ดวงดาวเลือกจากความถี่ของวิญญาณในโลกตะวันตกโหราศาสตร์อาจถูกมองว่าเป็นความเชื่อเก่าแต่ในโลกของราชสำนักไทยมันคือภาษาของฟ้าภาษาที่ใช้ตีความพลังจังหวะและโชคชะตาของทั้งประเทศ และของพระราชาการประสูติของเจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติเกิดขึ้นในช่วงปีพุทธศักราช2548ซึ่งตามโหราศาสตร์ไทยและสากลเป็นช่วงที่ดาวพฤหัสบดีเคลื่อนเข้าสู่ราศีธนูราศีแห่งสติปัญญาความเป็นผู้นำการเรียนรู้และความยุติธรรมดวงชะตาแห่งผู้ฟื้นฟูในหมู่นักพยากรณ์ดวงดาวมีแนวคิดหนึ่งที่น่าสนใจว่าผู้ที่เกิดภายใต้ดาวพฤหัสราศีธนูมักจะมีพลังบารมีเย็นคือauthorityคือไม่ใช่ผู้นำที่ใช้เสียงดังหรือกดเหล็กแต่เป็นผู้นำที่ใช้ความอดทนสติและความลุ่มลึกใน จิตใจและที่สำคัญเจ้าฟ้าทีปังกรมีดาวดาวเสาร์ในตำแหน่งที่เข้มแข็งดาวเสาร์ในศาสตร์โบราณคือผู้ทดสอบผู้ที่ผ่านบททดสอบของดาวนี้มักจะกลายเป็นผู้นำที่มั่นคงไม่หวั่นไหวต่อเสียงนินทาหรือแรงเสียดทานของโลกจึงไม่น่าแปลกใจที่แม้พระองค์จะไม่เคยแสดงพระองค์ต่อสื่อมากนักแต่กลับได้รับความสนใจอย่างเงียบๆจากกลุ่มนักโหรศาสตร์ที่ต่างกล่าวว่าดาวของพระองค์กำลังเดินเข้าสู่ตำแหน่งพลังสูงสุดในทดวันี้พลังที่เติบโตท่ามกลางความเงียบไม่มีคำแถลง ไม่มีคำสัมภาษณ์ไม่มีพระราชดำรัสต่อสาธารณะแต่ในทุกพระราชพิธีสำคัญพระองค์กลับอยู่ตรงนั้นเสมอในศาสตร์โหรศาสตร์มีหลักหนึ่งกล่าวว่าผู้ที่เงียบที่สุดมักส่งสัญญาณแรงที่สุดต่อจักรวาลและสัญญาณนั้นคือความเปลี่ยนแปลงที่ใกล้เข้ามาความหมายที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าชะตาในทุกยุคของประวัติศาสตร์มักจะมีผู้หนึ่งที่ถูกเลือกให้เดินข้ามสะพานระหว่างยุคเก่าและยุคใหม่บางครั้งพวกเขาไม่ได้เติบโตในความรุ่งเรืองแต่เติบโตในความเงียบความเจียมตนและการเรียน รู้เจ้าฟ้าทีปังกรอาจไม่ใช่พระโอรสที่เสียงดังที่สุดแต่พระองค์อาจคือเสียงที่จักรวาลต้องการฟังดวงดาวไม่เคยตะกอหรอกแต่เมื่อถึงเวลามันจับเหล่งแสงสว่างโดยไม่ต้องขออนุญาตจากใครและเมื่อแสงนั้นส่องมาถึงแผ่นดินไทยมันอาจไม่ใช่แค่คำทำนายแต่มันคือจุดเริ่มต้นของราชาองค์ใหม่ที่จักรวาลได้กำหนดไว้แล้วความเข้มแข็งของบางคนไม่ได้แสดงออกผ่านถ้อยคำแต่ผ่านความเงียบที่ไม่เคยหายไปถ้ามีคำใดที่สามารถสรุปภาพลักษณ์ของเจ้าฟ้า ทีปังกรรัศมีโชติในสายตาสาธารณชนได้ดีที่สุดคำนั้นคงคือเงียบพระองค์ไม่เคยให้สัมภาษณ์ไม่เคยมีโซเชียลไม่เคยทรงเป็นข่าวในรูปแบบที่วัยรุ่นในยุคปัจจุบันเป็นแต่แม้จะเงียบเพียงใดพระองค์กลับปรากฏอยู่ในที่ที่สำคัญที่สุดอย่างต่อเนื่องการปรากฏกายที่เปลี่ยนความหมายภาพของพระองค์เคียงข้างพระราชบิดาในพระราชพิธีอีกไม่ใช่เพียงแค่การแสดงออกถึงความจงรักภักดีอีกแต่ยังเป็นภาษาที่ราชสำนักใช้ในการสื่อสารกับประชาชนว่าเขาคือคนที่กำลังเติบโต ในท่ามกลางพิธีกรรมและความเงียบภาพที่พระองค์ทรงเดินอย่างสงบมีมารยาทเรียบร้อยในงานพระราชพิธีสำคัญไม่ใช่เพียงภาพของเด็กชายในเครื่องแบบแต่คือภาพของผู้เติบโต๊ะขึ้นมาในระเบียบและแบบแผนของการเป็นพระราชาบททดสอบที่ไม่มีใครเห็นขณะที่วัยรุ่นหลายคนเผชิญบทเรียนในโรงเรียนเจ้าฟ้าทีปังกรเผชิญบทเรียนจาก2โลกโลกภายนอกที่มีสายตาจับจ้องและโลกภายในที่เต็มไปด้วยความคาดหวังอันเงียบงันมีรายงานว่าพระองค์ทรงศึกษาในประเทศ เยอรมนีในโรงเรียนที่เน้นระเบียบวินัยและความเป็นอิสระทางความคิดทรงใช้ชีวิตในต่างแดนอย่างเรียบง่ายโดยมีครูดูแลเป็นการเฉพาะห่างจากแสงไฟของสื่อและห่างไกลจากเสียงของการเมืองแต่นั่นอาจเป็นบททดสอบที่แท้จริงเพราะผู้นำที่แท้มิได้เติบโตจากเสียงปรบมือแต่เติบโตจากความเข้าใจตนเองในยามที่ไร้คนเห็นยิ่งอยู่ในความเงียบจิตใจยิ่งแข็งแกร่งและองค์ชายผู้นี้กำลังพิสูจน์ว่าความเงียบมิได้หมายถึงความอ่อนแอแต่มันคือการเตรียมตัวสำหรับ วันหนึ่งที่ต้องพูดในนามของแผ่นดินผู้อยู่เบื้องหลังที่อาจอยู่เบื้องหน้าราชวงศ์ไทยเคยมีหลายองค์ชายที่ไม่เป็นข่าวแต่ในเวลาสำคัญพวกเขากลับถูกเรียกตัวให้มานำเช่นเดียวกับในประวัติศาสตร์ของรัชกาลที่9ซึ่งเสด็จขึ้นครองราชย์ในเวลาที่น้อยคนคาดถึงแต่นำพาประเทศไทยผ่านวิกฤตนานนับประการเจ้าฟ้าทีปังกรอาจอยู่เบื้องหลังขอบจอของประชาชนวันนี้แต่ในวันข้างหน้าเขาอาจยืนอยู่เบื้องหน้าของประชาชาติทั้งหมดผู้นำที่แท้มิใช่ผู้ที่ตะโกนว่าจงฟังข้า แต่คือผู้ที่เงียบแล้วคนทั้งแผ่นดินตั้งใจฟังเขาเองและหากวันนั้นมาถึงเราจะย้อนมองกลับไปยังวันนี้ด้วยความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นต่อความเงียบที่ซ่อนพลังไว้มหาศาลไม่มีใครล่วงรู้อนาคตแต่บางคนเกิดมาเพื่ออยู่ในอนาคตนั้นประเทศไทยในศตวรรษที่21กำลังยืนอยู่ในจุดเปลี่ยนยุคที่ประชาชนเรียกร้องความเปลี่ยนแปลงในขณะที่อีกฝ่ายต้องการความมั่นคงโลกหมุนเร็วแต่ราชสำนักยังต้องยืนมั่นในระหว่างแรงโน้มถ่วงของอดีตและความเร่ง ร้อนของอนาคตเราต้องการผู้นำที่ไม่เพียงมีสายเลือดแต่ต้องมีจิตวิญญาณของผู้เชื่อมโลกทั้งสองไว้ด้วยกันเจ้าฟ้าทีปังกรผู้นำแห่งความหวังเงียบหากวันหนึ่งพระองค์ขึ้นครองราชย์เราคงได้เห็นราชาธิปไตยในรูปลักษณ์ใหม่ไม่ใช่เพียงผู้ปกครองตามพิธีการแต่คือพระราชาเงียบที่เติบโตจากการเรียนรู้และสังเกตพระองค์ทรงอาจมิใช่พระราชาที่ประชาชนใฝ่ฝันแต่กลับเป็นพระราชาที่เหมาะสมกับยุคสมัยที่กำลังจะมาถึงในวันที่โลกเต็มไปด้วยความขัดแย้ง ความเกรี้ยวกราดพระราชาแห่งสติอาจเป็นคำตอบที่ดีที่สุดโลกไม่ต้องการผู้นำที่พูดทุกวันแต่ต้องการผู้นำที่ฟังอย่างลึกซึ้ง1ครั้งมากกว่าคำทำนายคือการลงมือเขียนประวัติศาสตร์ใหม่คำทำนายอาจเป็นเพียงเงาแต่พระราชาประกอบตอบด้วยเนื้อหนังชีพจรและหัวใจคำพยากรณ์อาจเป็นแนวทางแต่พระราชาคือผู้เดินตามแนวทางนั้นให้เป็นจริงพระองค์ยังเยาไวและอนาคตยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนแต่สัญญาณทั้งหมดที่โหราจารย์เห็นที่ประวัติศาสตร์กล่าวถึง ที่พิธีการสะท้อนออกมาอย่างเงียบงันชี้ไปยังพระองค์อย่างแนบเนียนและต่อเนื่องถ้าชะตากรรมคือกระแสลมเจ้าฟ้าทีบังกรอาจคือเรือที่ถูกต่อไว้นานแล้วเพราะวันออกเดินทางสะพานสู่ยุคใหม่บางคนมองพระองค์เป็นผู้แทนของสถาบันบางคนมองพระองค์เป็นความหวังใหม่และบางคนอาจยังไม่เคยรู้จักพระองค์เลยแต่ไม่ว่าจะเป็นเช่นไรพระองค์กำลังเป็นสะพานระหว่างอดีตอันลึกซึ้งและอนาคตที่ยังไม่มีใครกล้าจินตนาการราชาไม่จำเป็นต้องเปล่งแสงที่สุดแต่อย่าลืมว่า แสงอาทิตย์รุ่งอรุณก็เริ่มจากความเงียบและหากโชคชะตาเป็นผู้เขียนเรื่องราวของไทยองค์ชายถี่ปังกรคือหนึ่งในตัวละครสำคัญที่กำลังรอวันปรากฏบทเต็มในหน้าประวัติศาสตร์ครับ

อนาคตราชวงศ์ไทยกับคำทำนายลับ: เจ้าฟ้าทีปังกรฯ สะเทือนบัลลังก์ Read More